Testimonials FAQ Photo Gallery Contact Us Mail to Friend
Home Director Training Seminars & events News Join IOD IOD Members Projects Publications IOD Shop About IOD
AGILITY AMIDST ABNORMALITY: องค์กรปรับตัวอย่างไร…ในยุค COVID?

คงไม่มีใครคาดคิดว่า การระบาดของโรค COVID-19 จะกลายเป็นวิกฤตที่เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของผู้คน สังคม และเศรษฐกิจทั่วโลก มหันตภัยครั้งนี้ดูเหมือนจะทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปในทันใด เพราะรัฐบาลเกือบทุกประเทศเร่งออกมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดเพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสลุกลามจนยากจะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการสั่งปิดประเทศ ปิดเมืองศูนย์กลางการระบาด การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การประกาศเคอร์ฟิว และอีกสารพัดวิธีที่ทำให้ประชาชน “อยู่กับบ้าน” ให้ได้มากที่สุด

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นบรรดาธุรกิจทั้งรายเล็กรายใหญ่แสวงหาแนวทางปรับตัวในเชิงรุกเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น ด้วยความเชื่อว่า “ในทุกๆวิกฤต...ยังมีโอกาสทางธุรกิจรออยู่เสมอ” คำถามคือ ในภาวะที่คาดเดาได้ยากเช่นนี้ ผู้นำองค์กรจะวางแผนปรับตัวหรือจะเปลี่ยนไปใช้ “กลยุทธ์” ใดเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ในยุคที่การระบาดของเชื้อโรคกลายเป็น New Normal ในสังคมไปแล้ว

ผลิตภัณฑ์เดิม... ช่องทางใหม่

ร้านอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เข้าอย่างจัง เพราะการมาทานที่ร้านสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหันมาขายอาหารผ่านช่องทาง Delivery ส่งตรงถึงหน้าบ้านลูกค้าแทน ซึ่งมิใช่แค่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงของพนักงานด้วย และแม้ว่าจะต้องโดน “หักเปอร์เซ็นต์” ในการเข้าร่วมกับผู้ให้บริการ Food Delivery เจ้าต่างๆ แต่ถ้าจะมองว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการลงทุนด้าน Marketing แล้ว...ก็นับว่าคุ้มอยู่ เพราะร้านอาหารได้รับประโยชน์ 2 ต่อ ทั้งจากการที่ร้านสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ และยังได้ผู้ให้บริการ Food Delivery เหล่านี้มาช่วยโฆษณาสินค้าให้ไปในตัว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการตลาดในช่องทางอื่นๆไปได้มาก

ไม่ได้มีแค่ร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านขายข้าวแกงริมทางเท่านั้นที่ต้องหันมาจับช่องทาง Delivery แต่เรายังพบว่าบรรดาร้านอาหารหรูหรา 5 ดาว หรือที่เรียกกันว่า Fine Dining ก็ย่างเข้าสู่สมรภูมินี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน โดยก่อนการแพร่ระบาด ธุรกิจร้านอาหารจำพวก Fine Dining ดูท่าจะไปได้ดี เนื่องจากคนไทยเริ่มหันมานิยมร้านอาหารแนวนี้มากขึ้น แต่พอมีคำสั่งให้ปิดร้านชั่วคราวตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ร้านต้องปรับตัว และนำเอาเมนูที่สามารถส่งได้ออกมาให้บริการทันที เช่น ร้าน “โบ.ลาน” 1 ใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียจากการจัดอันดับของ The World’s 50 Best Restaurants Academy ก็หันมาให้บริการ “ปิ่นโตกลับบ้าน” ที่ลูกค้าสามารถสั่งกับทางร้านได้โดยตรง

แม้การปรับตัวโดยการเพิ่มบริการ Delivery เข้ามาจะถือเป็นเรื่องใหม่และท้าทายสำหรับร้านอาหาร Fine Dining เพราะต้องรักษาคุณภาพของวัตถุดิบและองค์ประกอบต่างๆให้ได้ตามมาตรฐาน แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้ธุรกิจยังไปต่อได้ ...ดีกว่าต้องปิดตัวลงเพราะพิษโควิด

โครงสร้างเดิม... ผลิตภัณฑ์ใหม่

หลังจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้กลายเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงการแพร่ระบาด ทำให้หลายบริษัททั่วโลกหันมาปรับกระบวนการผลิตเล็กๆน้อยๆ บนโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ธุรกิจมีอยู่ เพื่อรองรับการผลิตทั้งแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ไปจนถึงหน้ากากอนามัย แม้กระทั่งบริษัท LVMH เจ้าของแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton ยังตัดสินใจประกาศปิดไลน์การผลิตน้ำหอม 3 แบรนด์ดังในเครือ อย่าง Christian Dior, Givenchy และ Guerlain ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เพื่อเปลี่ยนโรงงานดังกล่าวมาผลิต “เจลล้างมือ” แทน

เรื่องราวของ LVMH ชวนให้นึกถึงกรณีของบริษัท BYD Auto แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนที่ปรับโรงงานของตัวเองให้เป็นโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย โดยว่ากันว่ามีกำลังผลิตมหาศาลถึง 5 ล้านชิ้นต่อวันเลยทีเดียว โดยบริษัทใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นในการปรับสายการผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรีและรถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นการผลิตเวชภัณฑ์ ผ่านการระดมกำลังจากทีมพนักงานเฉพาะกิจกว่า 3,000 ชีวิต

เช่นเดียวกันกับบริษัทผลิตเหล้ารัมในกัมพูชาอย่าง Samai และ Seekers Spirits ซึ่งประสบภาวะยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตกต่ำเพราะผลกระทบของไวรัส ก็ได้ปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยหันมาทำ “ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม” และวางจำหน่ายไปทั่วประเทศ

โครงสร้างใหม่... ผลิตภัณฑ์เดิม

แนวหน้าในการต่อสู้รับมือกับ COVID-19 ในครั้งนี้คงหนีไม่พ้นทีมแพทย์-พยาบาล และนี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไมทุกประเทศถึงต้องควบคุมและชะลอการระบาดให้ได้มากที่สุด ด้วยตระหนักดีว่าปริมาณเตียงที่ใช้รองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์นั้นมีอยู่อย่างจำกัด การสร้าง “โรงพยาบาลสนาม” เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ดังเช่นในสหราชอาณาจักร ที่ได้มีการปรับพื้นที่ภายในศูนย์จัดแสดง Excel Exhibition Centre ให้กลายเป็นสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อ โดยตั้งชื่อว่า NHS Nightingale Hospital ซึ่งรองรับผู้ป่วยได้ถึง 4,000 เตียง

แต่พอถึงเวลาเปิดให้บริการจริง...โรงพยาบาลกลับไม่สามารถรับผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขาดแคลนพยาบาล และคงเป็นการยากที่จะขอให้พยาบาลที่ทำงานอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆมาช่วยในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ NHS Nightingale Hospital ส่งจดหมายเชื้อเชิญบรรดาลูกเรือจาก 2 สายการบินขนาดใหญ่ของประเทศอย่าง Virgin Atlantic และ EasyJet เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ หลังจากที่สายการบินทั้งสองถูกระงับการให้บริการเที่ยวบินบางส่วนหรือทั้งหมดไปก่อนหน้านี้ โดยลูกเรือที่อาสาปฏิบัติงานใน NHS Nightingale Hospital จะได้รับการอบรมการปฐมพยาบาลขั้นต้นและการกู้ชีพ และจะยังคงได้รับเงินเดือนจากสายการบินทั้งสองตามปกติ

ไม่เปลี่ยน... ไม่รอด

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สอนผู้นำองค์กรให้เห็นความสำคัญของการปรับตัวให้เร็วและสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป (Agility) ด้วยการทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจเราอยู่ตรงไหน แล้วสิ่งที่ต้องปรับคืออะไร...ผลิตภัณฑ์ ? ช่องทาง ? หรือโครงสร้าง ? …ถึงจะตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุด

ที่สำคัญ...การปรับตัวทางธุรกิจนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลา...ไม่ต้องรอ... เพราะถ้ารอ (จนวิกฤตมาอยู่ตรงหน้า) ...ก็อาจไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้ปรับตัว !!!

----------------------------------------

อ้างอิงจากบทความ Three Proactive Response Strategies to COVID-19 Business Challenges โดย Michael Wade และ Heidi Bjerkan เผยแพร่ใน MIT Sloan Management Review (April 17, 2020)

 

อภิลาภ เผ่าภิญโญ
นักวิเคราะห์ CG อาวุโส
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย



Articles Previous Next
 
ข้อกำหนดและเงื่อนไข | นโยบายความเป็นส่วนตัว | ผังเว็บไซต์ | Share to
Copyright © 2010 Thai Institute Of Directors. Site by Redlab
Our
Sponsors
SCBx BBL IVL Kbank BCP CPF GPSC IRPC PTT PTTEP PTTGC PTTOR SCG Singha TISCO TOP
Our
Partners
CAC SET SEC OECD CBNC CG Thailand